แผนการเดินทางของทริปนี้
วันแรก
1.Porto Chino
2.ร้านแซบอีหลี
3.โรงแรมดุสิตธานีหัวหิน
4.โรงแรมสายลม
วันที่สอง
5.เวเนเซีย
6.ร้านขนมไทยแม่เก็บ
7.ร้าน Butterhead หัวหิน 51
8.ร้าน Bake a wish สุขสวัสดิ์ซอย 19
การเดินทางครั้งนี้เกิดจากไปเห็นดีล Ensogo ของโรงแรมดุสิตธานีหัวหิน ราคา 2,999 บาทแต่ถ้ารวมอาหารเช้าจะเป็น 3,299 บาท (ผมซื้อแบบรวมอาหารเช้า)
ข้อกำหนดหลักๆคือ ใช้ได้วันจันทร์-ศุกร์ เท่านั้น งดเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
จากนั้นจึง Booking วันที่ 20 กันยายน 2556 ไปครับ ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่จองโรงแรม 5 ดาว ปกตินอน 3 ดาวตลอด
นอกจากนั้นวันที่ 20 กันยายน ยังเป็นวันที่ S&P BlueCup ซื้อ 1 แถม 1
เริ่มเดินทางกันเลย เส้นทางหลักที่ใช้คือถนนพระราม 2 ยิงยาวเลยครับ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ฝนกตกตลอดทั้งวัน ดังนั้นการเดินทางจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
สถานที่แรกที่แวะคือ Porto Chino ถามว่าแวะทำไม แวะซื้อ BlueCup เมนูที่สั่งคือ Mucha ถั่วแดงปั่น และ Cappuccino ปั่น รวมราคา 105 บาท
จากนั้นเดินทางด้วยเส้นทางพระราม 2 จนถึงหัวหิน (จากกรุงเทพไปหัวหิน ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร หรือ 2 ชั่วโมงครึ่ง) ไปแวะทานอาหารกลางวันสุดแซบที่ร้านแซบอีหลี ซึ่งอยากจะเน้นย้ำว่า ร้านแซบอีหลีของแท้ต้องที่หน้าค่ายนเรศวรนะครับ ร้านแซบอีหลีตรงจุดอื่นๆไม่แน่ใจว่าเป็นร้านก๊อปปี้ หรือสาขา แต่เท่าที่ลองหาข้อมูลจากพันทิป เค้าว่ากันว่าร้านอื่นๆเป็นร้านเลียนแบบครับ !!!
เมนูที่สั่งคือส้มตำไทย ต้มแซบกระดูกอ่อน ไก่ย่างและขนมจีน 1 จับ รวมราคา 240 บาทเท่านั้น กินสองคนอิ่มมากๆ
เอาล่ะครับหลังจากอิ่มแล้วก็เดินทางมาถึงโรงแรมดุสิตธานี
หลังจากนั้นมากินข้าวเย็นที่โรงแรมสายลม ก่อนเข้าไปกินแวะเชียร์วอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ชนะจีน 3-2 Set สุดยอดเลยครับ รสชาดของชัยชนะ เมนูที่ผมติดใจคือ แกงป่าปลาเห็ดโคน กับผัดผักบุ้งไฟแดง รวมค่าเสียหาย 1,200 บาท (ไปกินกันผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 1 คน)
เช้าวันที่ 2 หลังจากนั่งกินอาหารเช้าที่โรงแรมจนอิ่มแปร้ถึง 10 โมง ก็ได้เวลาออกเดินทางไปเที่ยวต่อที่สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอต (อากาศร้อนมากๆ) คือ เวเนเซีย หัวหิน ที่จำลองสถานที่จากเมืองเวเนิส ประเทศอิตาลีมา (บรรยากาศจำลองไม่ได้ เพราะไทยร้อนเหลือเกิน) เวเนเซีย นั้นอยู่ใกล้ โรงแรมดุสิตธานีประมาณ 700 เมตร ครับ ขับรถไปนิดเดียวก็ถึงละ (คิดว่าคงไม่ไปเวเนเซีย หัวหินอีก เพราะไม่มีอะไรเลย เป็นแค่ที่ถ่ายรูปเฉยๆ ร้านอาหาร ร้านค้ายังไม่โดน)
จากนั้น U-turn รถกลับไปเข้าตัวเมืองหัวหิน มุ่งหน้าหัวหินซอย 51 เพื่อไปกินสลัดผักร้าน ButterHead ผลปรากฎว่า ร้านปิดครับ ไม่ขายหรือเลิกกิจการไม่แน่ใจ แต่เท่าที่ลองเช็คจาก facebook ร้าน พบว่าเชฟป่วย พักยาวหลายเดือนเลยครับ ดังนั้นใครจะไปกินช่วงนี้ ตรวจสอบข้อมูล facebook ทางร้านก่อนนะครับ
เมื่อไม่ได้กิน ButterHead จึงต้องเปลีี่ยนใจไปซื้อของฝากที่ร้านแม่เก็บ ซอยหัวหิน 94/1 แทนครับ เป็นร้านขายขนมไทยเช่นเดียวกับพวกแม่กิมไล้ แม่กิมลั้ง ครับ แต่โดยส่วนตัวนะ ผมว่ารสชาดดีกว่า ยังไงก็ลองไปชิมกันดูได้
ด้วยความที่ยังอิ่มจากอาหารเช้า จึงมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ เพื่อไปร้านเป้าหมาย ชื่อว่า ร้าน Bake a wish ร้านนี้น่าแปลกมากที่ราคาอาหารคาวไม่แพงเลย จานละ 49-100 บาท แต่ของหวานกับน้ำปั่นนี่สิ ราคาเท่าพวก S&P เลย แต่ผมว่ารสชาดสู้ได้นะ
ชูครีม ชื่อดังของร้านนี้ ข้าวหน้าหมูทอด
ขอจบการรีวิวทริปนี้เพียงเท่านี้ครับ หวังว่าใครผ่านไปผ่านมาเจอบล็อกผมเข้าคงได้แนวทางไปเที่ยวกันบ้างนะครับ
วันแรก
1.Porto Chino
2.ร้านแซบอีหลี
3.โรงแรมดุสิตธานีหัวหิน
4.โรงแรมสายลม
วันที่สอง
5.เวเนเซีย
6.ร้านขนมไทยแม่เก็บ
7.ร้าน Butterhead หัวหิน 51
8.ร้าน Bake a wish สุขสวัสดิ์ซอย 19
การเดินทางครั้งนี้เกิดจากไปเห็นดีล Ensogo ของโรงแรมดุสิตธานีหัวหิน ราคา 2,999 บาทแต่ถ้ารวมอาหารเช้าจะเป็น 3,299 บาท (ผมซื้อแบบรวมอาหารเช้า)
ข้อกำหนดหลักๆคือ ใช้ได้วันจันทร์-ศุกร์ เท่านั้น งดเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
จากนั้นจึง Booking วันที่ 20 กันยายน 2556 ไปครับ ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่จองโรงแรม 5 ดาว ปกตินอน 3 ดาวตลอด
นอกจากนั้นวันที่ 20 กันยายน ยังเป็นวันที่ S&P BlueCup ซื้อ 1 แถม 1
เริ่มเดินทางกันเลย เส้นทางหลักที่ใช้คือถนนพระราม 2 ยิงยาวเลยครับ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ฝนกตกตลอดทั้งวัน ดังนั้นการเดินทางจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
สถานที่แรกที่แวะคือ Porto Chino ถามว่าแวะทำไม แวะซื้อ BlueCup เมนูที่สั่งคือ Mucha ถั่วแดงปั่น และ Cappuccino ปั่น รวมราคา 105 บาท
จากนั้นเดินทางด้วยเส้นทางพระราม 2 จนถึงหัวหิน (จากกรุงเทพไปหัวหิน ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร หรือ 2 ชั่วโมงครึ่ง) ไปแวะทานอาหารกลางวันสุดแซบที่ร้านแซบอีหลี ซึ่งอยากจะเน้นย้ำว่า ร้านแซบอีหลีของแท้ต้องที่หน้าค่ายนเรศวรนะครับ ร้านแซบอีหลีตรงจุดอื่นๆไม่แน่ใจว่าเป็นร้านก๊อปปี้ หรือสาขา แต่เท่าที่ลองหาข้อมูลจากพันทิป เค้าว่ากันว่าร้านอื่นๆเป็นร้านเลียนแบบครับ !!!
เมนูที่สั่งคือส้มตำไทย ต้มแซบกระดูกอ่อน ไก่ย่างและขนมจีน 1 จับ รวมราคา 240 บาทเท่านั้น กินสองคนอิ่มมากๆ
เอาล่ะครับหลังจากอิ่มแล้วก็เดินทางมาถึงโรงแรมดุสิตธานี
ด้านหน้าโรงแรม |
โคมไฟอันเป็นจุดเด่นของโรงแรม |
เข้าสู่ห้องพัก วิวสระน้ำ |
ภายในห้องพัก |
โต๊ะเขียนหนังสือ |
ห้องน้ำ |
ห้องกระจกอาบน้ำ |
อ่างอาบน้ำ |
ภาพสระน้ำ |
ทะเลร้อน |
ส้มตำไทยยอดมะพร้าวอ่อน |
แกงป่าปลาเห็ดโคน |
ผัดผักบุ้งไฟแดง |
เกี๊ยวห่อชีส |
ไข่เจียวกุ้ง |
เช้าวันที่ 2 หลังจากนั่งกินอาหารเช้าที่โรงแรมจนอิ่มแปร้ถึง 10 โมง ก็ได้เวลาออกเดินทางไปเที่ยวต่อที่สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอต (อากาศร้อนมากๆ) คือ เวเนเซีย หัวหิน ที่จำลองสถานที่จากเมืองเวเนิส ประเทศอิตาลีมา (บรรยากาศจำลองไม่ได้ เพราะไทยร้อนเหลือเกิน) เวเนเซีย นั้นอยู่ใกล้ โรงแรมดุสิตธานีประมาณ 700 เมตร ครับ ขับรถไปนิดเดียวก็ถึงละ (คิดว่าคงไม่ไปเวเนเซีย หัวหินอีก เพราะไม่มีอะไรเลย เป็นแค่ที่ถ่ายรูปเฉยๆ ร้านอาหาร ร้านค้ายังไม่โดน)
จากนั้น U-turn รถกลับไปเข้าตัวเมืองหัวหิน มุ่งหน้าหัวหินซอย 51 เพื่อไปกินสลัดผักร้าน ButterHead ผลปรากฎว่า ร้านปิดครับ ไม่ขายหรือเลิกกิจการไม่แน่ใจ แต่เท่าที่ลองเช็คจาก facebook ร้าน พบว่าเชฟป่วย พักยาวหลายเดือนเลยครับ ดังนั้นใครจะไปกินช่วงนี้ ตรวจสอบข้อมูล facebook ทางร้านก่อนนะครับ
เมื่อไม่ได้กิน ButterHead จึงต้องเปลีี่ยนใจไปซื้อของฝากที่ร้านแม่เก็บ ซอยหัวหิน 94/1 แทนครับ เป็นร้านขายขนมไทยเช่นเดียวกับพวกแม่กิมไล้ แม่กิมลั้ง ครับ แต่โดยส่วนตัวนะ ผมว่ารสชาดดีกว่า ยังไงก็ลองไปชิมกันดูได้
ด้วยความที่ยังอิ่มจากอาหารเช้า จึงมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ เพื่อไปร้านเป้าหมาย ชื่อว่า ร้าน Bake a wish ร้านนี้น่าแปลกมากที่ราคาอาหารคาวไม่แพงเลย จานละ 49-100 บาท แต่ของหวานกับน้ำปั่นนี่สิ ราคาเท่าพวก S&P เลย แต่ผมว่ารสชาดสู้ได้นะ
สปาเก็ตตี้ซอสปาปิก้า 50 บาท |
สลัดทูน่า 75 บาท |
ชูครีม ชื่อดังของร้านนี้ ข้าวหน้าหมูทอด
ขอจบการรีวิวทริปนี้เพียงเท่านี้ครับ หวังว่าใครผ่านไปผ่านมาเจอบล็อกผมเข้าคงได้แนวทางไปเที่ยวกันบ้างนะครับ
No comments:
Post a Comment