![]() |
https://www.facebook.com/talktodekladprao |
1. Sideway คือการเคลื่อนตัวของราคาหุ้น ระหว่างแนวรับ กับแนวต้าน โดยหากมองดูกราฟจะเห็นเป็นลูกคลื่น ซึ่งอาจจะมีการขึ้นลงได้หลายรอบ ผู้เล่นที่สันทัดจะอาศัยจังหวะที่หุ้นอยู่ในช่วงนี้ เล่นรอบ หรือเล่นตามกรอบ โดยใช้หลัก ซื้อให้ใกล้แนวรับ และขายใกล้ ๆ แนวต้าน ดังนั้น การอ่านแนวรับ แนวต้านที่แม่นยำ จะช่วยในการเล่นกรอบได้ดี
2. Moving Up เป็นการเคลื่อนที่ของราคาหุ้นทางขึ้น ต่อจากการการ Sideway โดยเมื่อหุ้นเคลื่อนตัวมาแบบ Sideway นานพอสมควร ก็ทะลุแนวต้านขึ้นไปด้วยโวลุ่มที่มากอย่างมีนัยสำคัญ และขึ้นต่อไปกลายเป็นขาขึ้น
ข้อสังเกตของหุ้นที่ sideway แล้วจะทะลุขึ้นนั้น ให้สังเกตว่าหุ้นจะค่อย ๆ ทำ Higher Low คือยกจุดต่ำสุดขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่แนวต้านจะไม่มีการขยับ หรือขยับน้อยมาก หากดูในกราฟแล้วจะเห็นเป็นรูปชายธง ยิ่งไซร้นานเท่าไหร่ ยิ่งสร้างความสยิวและ/หรือสร้างความรำคาญให้กับผู้ถูกไซร้มากเท่านั้น แบบนี้เมื่อหุ้นทะลุจะไปได้ไกลกว่า อธิบายทางจิตวิทยามวลชนคือ ผู้ที่อยากได้หุ้นเมื่อไม่ได้หุ้นก็พยายามขยับให้ราคาสูงขึ้น จุด Low จึงยกขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อราคาหุ้นก็พยยามกดราคาหุ้นเอาไว้เพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำ และสร้างแรงกดดันให้กับคนที่อยากขายหุ้น ราคาแนวต้าน (กรอบบนจึงไม่มีการขยับ หรือขยับน้อยมาก) คราวหลังเมื่อเราเจอแบบนี้จะได้ดูภาพออก
3. Moving Down จะเป็นการเคลื่อนที่ของหุ้นต่อจาก sideway ในทางลง โดยเมื่อหุ้นเคลื่อนตัวแบบ Sideway นานพอสมควร ก็ทะลุแนวรับลงไป ด้วยโวลุ่มที่มากอย่างมีนัยสำคัญ และลงต่อไปกลายเป็นขาลง
จุดสำคัญที่ต้องจำคือ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะทะลุกรอบบน หรือลงกรอบล่าง จะต้องมีปริมาณการซื้อขายที่มากมาสนับสนุนเสมอ ร่วมกันกับช่วงการซื้อขายที่กว้างมากในวันที่เปลี่ยนแปลง การเคลื่อนไหวนั้นจึงจะมีนัยสำคัญ พูดง่าย ๆ ถ้าเป็นการขึ้น แรงซื้อก็ชนะแรงขายดดยสิ้นเชิง ถ้าเป็นการลง แรงขายชนะแรงซื้อ แต่ถ้าหุ้นตกต่ำกว่าแนวรับแต่โวลุ่มน้อย แสดงว่าไม่ตกจริง อาจเป็นการเขย่าให้ลิงตกต้นไม้เท่านั้น เพราะการจะเอาหุ้นจากมือต้องสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นก่อนเท่านั้น หรือหากทะลุแนวต้านด้วยโวลุ่มที่น้อย แสดงว่าเป็นการลากโชว์เพื่อดูว่ามีรายย่อยตามมากน้อแค่ไหน จะได้ประเมินถูกว่ามีใครพร้อมจะเข้ามาแย่งหุ้นมากน้อยแค่ไหน แบบนี้โอกาสจะตกกลับเพื่อเอาหุ้นกลับคืนมีมาก
วันนี้ขอเขียนเท่านี้นะครับ
เด็กลาดพร้าว
4 ส.ค. 56
17.50 น.
No comments:
Post a Comment