รีวิวการวางแผนการเดินทาง จองตั๋วและที่พัก เที่ยวญี่ปุ่น OSAKA

      ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่คนไทยใฝ่ฝันว่าจะต้องไปท่องเที่ยวให้ได้สักครั้งในชีวิต ยิ่งตอนนี้ไม่ต้องขอวีซ่า ยิ่งทำให้ญี่ปุ่นเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในการไปท่องเที่ยวของคนไทย โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ 555

      ผมก็เป็นหนึ่งในคนหลายๆ คนที่อยากไปญี่ปุ่นเช่นกัน แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ไปทัวร์ เหตุผลเพราะไปทัวร์ราคาค่อนข้างแพงแถมไปแต่ละที่แวะแค่แป็ปๆ ดังสโลแกนที่ทุกคนคุ้นหูกันดี คือ ฉี่ ช็อป แชะ นั่นเอง

OSAKA Castle
ภาพจาก www.his-bkk.com

       ที่จะรีวิวในวันนี้คงไม่ได้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ที่ไปมา เพราะคงมีหลายเว็บหลายบล็อคที่รีวิวไว้แล้วมากมาย แต่วันนี้จะขอรีวิวเรื่องการวางแผนไปเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะหากเตรียมตัวไม่ดี ก็จะเจอปัญหาได้ง่ายๆ และผมก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นรีวิวที่ให้ข้อมูลและแนวทางสำหรับคนที่สนใจอยากไปเที่ยว OSAKA ได้ลองเอาไปปรับใช้กันครับ

       เมื่อปลายเดือน พ.ย. 2557 ผมได้เจอตั๋วโปรโมชั่นของ สายการบิน Cathay Pacific Airways ไป-กลับ OSAKA ช่วงสงกรานต์ ในราคาเพียง 15,900 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากและช่วงเป็น High Season ก็รีบจองแบบรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดเยอะ (ตอนนี้สายการบิน Full Services มีโปรโมชั่นอยู่บ่อยๆ หมั่นติดตามข่าวสาร แล้วจะได้ตั๋วถูกอย่างไม่น่าเชื่อครับ) 

     เงื่อนไขสำคัญของผม คือ ไม่อยากลายาวมากนัก  เนื่องจากเกรงใจหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน เลยจัดการจองไป 14 - 20 เมษายน 2558 อาศัยหยุดช่วงสงกรานต์ และลาเพิ่มอีกเพียง 3 วัน แต่ผมต้องไปเสียเวลา Transit ที่ฮ่องกงทั้งขาไปและขากลับ ทำให้ได้เที่ยวเต็มๆ แค่ 5 วันเท่านั้น แอบเสียดายอยู่เหมือนกันแต่ไม่เป็นไรครับ ถือว่าครั้งแรกพลาดไป ครั้งหน้าแก้ตัวใหม่
      สำหรับทริปนี้มีเป้าหมายที่ต้องไปให้ได้ คือ Universal Studio Japan หรือ USJ ครับ เพราะผมและแฟนชอบ Harry Potter กันมาก
Universal Studio Japan หรือ USJ

The Wizarding World of Harry Potter

      เมื่อจองตั๋วเครื่องบินเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องวางแผนว่าจะเที่ยวอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไร รวมถึงจองที่พัก ซึ่งผมใช้เวลาหาข้อมูลต่างๆ นานพอสมควร จากนั้นก็ค่อยๆ เริ่มวางแผนโดยศึกษาข้อมูลจากรีวิวของคนอื่นๆ รวมถึงหาเองเพิ่มเติมบ้าง ผมใช้เวลาทำเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือนธันวาคม กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ข้ามปีเชียวครับ

แผนคร่าวๆ ที่วางไว้

      เรื่องการจองที่พักเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าทำพลาดไปเยอะ เพราะไม่รู้และคิดไม่ถึงว่าช่วงที่ไปเป็นช่วง High Season จึงชะล่าใจกว่าจะเริ่มจองที่พักก็กลางๆ เดือนมกราคม ทำให้ที่พักที่คนไทยนิยม และมีรีวิว แล้วแถวๆ นัมบะ เต็มหมดครับ

        ด้วยสไตล์การท่องเที่ยวของผมไม่ได้เน้นที่พักหรูมากนัก แต่ขอเดินทางสะดวก สะอาด และราคาสมเหตุสมผล ยิ่งเป็นข้อจำกัดในการจองที่พักเข้าไปใหญ่ แต่ไม่ยากเกินความสามารถครับ สุดท้ายผมก็ได้จองที่พักที่ Hotel Keihan Tenmabashi ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ปราสาทโอซาก้า เดินเพียง 15 นาทีถึง โดยจองผ่าน Agoda ในราคาประมาณ 20,000 บาท พัก 6 คืน จำนวน 2 ห้อง (ห้องละ 2 คน) ไม่รวมอาหารเช้า และเป็นห้องแบบ Non-Smoking (โรงแรมนี้เป็นโรงแรมแบบสากลทั่วไปๆ ไม่ใช่แบบเรียวกังนะครับ) ถึงจะไกลจากนัมบะหน่อย แต่ตรงตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้เป๊ะ

Hotel Keihan Tenmabashi อยู่สถานี Temmabashi Exit no.3
ภาพจาก www.expedia.co.th

     ขอแนะนำว่าควรจองที่พักไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะครับ อย่ารีรอ เพราะที่พักฮอตฮิตของคนไทยจะเต็มเร็วมาก ถ้าจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว ให้รีบเตรียมหาที่พักได้เลยครับ

       เรื่องการเดินทางต่างๆ ในญี่ปุ่น สามารถใช้ Hyperdia ซึ่งเป็นเว็บที่ใช้วางแผนการเดินทางในแต่ละวัน โดยบอกเส้นทางของสายรถไฟ สถานี และเวลารถไฟที่แน่นอนครับ ผมคิดว่าเว็บนี้เป็นประโยชน์มาก และทุกคนที่เดินทางไปเที่ยวด้วยตัวเองต้องได้ใช้ทุกคนครับ

ระหว่างเดินทางจาก Numba ไป Temmabashi

     เรื่องการซื้อตั๋ว USJ และ Pass ต่างๆ ผมก็ศึกษาข้อมูลจากรีวิวในเว็บต่างๆ เนี่ยแหละครับ และพบว่าการไป USJ ของผมต้องลงทุนจ่ายเพิ่มเพื่อไม่ต้องรอคิว เพราะผมเซ็งจากการไป Hongkong Disneyland และ Universal Studio Singapore มาแล้ว แต่ละเครื่องเล่นรอนานมาก อีกอย่างจากรีวิวของหลายๆ ท่าน ก็แนะนำให้ซื้อตั๋ว Express Pass จะดีและชัวร์กว่า ก็จัดตามคนที่เคยไปมารีวิวไว้ครับ เป้าหมายที่ไปครั้งนี้คือที่นี่ เพราะงั้นต้องห้ามพลาด

Universal Studio Japan หรือ USJ

       ผมได้ตั๋ว USJ ในราคา 1,980 บาท จากงาน Japan Expo 2015 บุูธของ HIS ที่พารากอนฮอลล์มาครับ ถือว่าได้ราคาถูกเหมือนกัน และอีก Pass ที่ผมได้จากบูธนี้คือ ตั๋ว Kansai Thru Pass 2 days ในราคา 1,100 บาท สำหรับใช้เดินทางด้วย Subway ครอบคลุมทั้งคันไซ (ผมจะใช้ Pass นี้ไป เกียวโต-โกเบ-ฮิเมจิ ครับ)

USJ Ticket

Kansai Thru Pass
ภาพจากเว็บไซด์ของ Kansai Thru Pass

      สำหรับตั๋ว Express Pass ของ USJ ผมได้ฝากพี่ที่ออฟฟิศซื้อ เพราะพี่เค้าไปญี่ปุ่นช่วงตรุษจีนพอดี พี่เค้าซื้อจากร้าน Lawson ครับ ในราคา 5,200 เยน (รวม Tax แล้วครับ) เป็นแบบ 5 pass โดยกำหนดเวลาการใช้ Express ไว้แน่นอน คือ ก่อนบ่าย 3 และช่วงเวลาที่ต้องเข้าโซน Harry คือ 10.30 - 11.00 ครับ

ตั๋ว Express Pass ของ USJ

      ต่อมาก็เป็นตั๋ว OSAKA Amazing Pass 2 days ครับ ผมได้จากงาน TITF เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในราคา 850 บาท จาก Quality Express ตรงทางเข้าศูนย์ประชุมสิริกิติ์ครับ

OSAKA Amazing Pass 2 days

     จากนั้นก็จอง บัตร ICOCA+HARUKA ซึ่งบัตร ICOCA จะเป็นบัตรคล้ายๆ กับบัตร Octopus ของฮ่องกงแหละครับ คือไว้จ่ายสินค้าในร้านสะดวกซื้อ จ่ายค่าเดินทางทั้งรถบัส รถไฟ รถไฟใต้ดิน ส่วนบัตร HARUKA คือ รถไฟสายด่วนที่วิ่งตรงเข้าเมือง โดยจอดที่สถานี Namba ครับ หากซื้อเป็นคู่เราจะได้ค่าบัตร HARUKA แบบ Round Trip ในราคาเพียง 2,000 เยน (ซึ่งจองล่วงหน้าได้ประมาณ 25 วันนะครับ)

รถไฟสายด่วน HARUKA กับบัตร ICACA

    วิธีซื้อบัตร ICOCA+HARUKA ดังนี้
1. เข้า Link นี้ ==>  Booking ICOCA+HARUKA    
2. คลิกเลือก Click here to book now จากนั้นให้คลิก Agree กรอกข้อมูลต่างๆ และรอรับ email 
3. พิมพ์ email ที่ได้รับ และนำมายื่นที่เคาเตอร์ในสนามบิน Kansai Airport กรอกเอกสารอีกเล็กน้อย และจ่ายเงิน

ICOCA & HARUKA ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2558

      ตอนนี้เหลือเพียง Kyoto City Bus Pass 1 day ราคา 500 เยน ไปซื้อที่สถานีเกียวโตครับ จริงๆ แล้วสถานที่ท่องเที่ยวของเกียวโตส่วนใหญ่จะอยู่ที่สถานีของ JR นะครับ แต่เป็นเพราะผมเลือกซื้อ Kansai Thru Pass เพื่อใช้ไปโกเบ กับปราสาทฮิเมจิด้วย เลยไม่ได้ซื้อ JR Pass (แต่สุดท้ายผมไม่ได้ไปเที่ยวที่ Kyoto เพราะป่วยนะครับ เลยตั้งใจว่าจะไปอีกรอบเพื่อไปเก็บ Kyoto ครับ)

      สำหรับ  Kyoto Imperial Palace หรือ พระราชวังอิมพีเรียลที่เกียวโต เราสามารถจองเพื่อเข้าทัวร์วังได้ โดยลงทะเบียนที่เว็บนี้ ==> Booking Imperial Palace ซึ่งจะใช้เวลาทัวร์ราวๆ 1 ชั่วโมงนะครับ ผมได้จองไปแต่มีเหตุทำให้ไม่ได้ไปเที่ยวครับ

พระราชวังเกียวโต
ภาพจาก www.wonderfulpackage.com

      ต่อมาก็ต้องตรวจเช็คสภาพอากาศที่ญี่ปุ่น ช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นช่วงหลังซากุระบานไปแล้ว แต่อากาศยังคงเย็นๆ และอาจจะเย็นมากสำหรับคนไทย ด้วยความที่แฟนตั้งใจจะไปช็อปเสื้อผ้าอยู่แล้ว เลยจะพกไปแค่คนละ 2 - 3 ชุด จากนั้นค่อยไปหาซื้อเอาข้างหน้า เพราะน้ำหนักจะได้ไม่เกินเวลาขากลับ (สำหรับ สายการบิน Cathay Pacific Airways สามารถโหลดกระเป๋าได้คนละไม่เกิน 20 กก. และ Hand  Carry คนละไม่เกิน 7 กก. ครับ)

         แต่ยังไงก็คงต้องพกเสื้อกันหนาว หรือเสื้อ Sweater ติดไปด้วยกันเหนียวสักตัว ส่วนรองเท้าเอาเป็นร้องเท้าผ้าใบ พร้อมถุงเท้านิ่มๆ เลือกเอาคู่ที่เดินสบายที่สุด และที่สำคัญต้องไม่กัดด้วยนะครับ เพราะที่ญี่ปุ่นต้องเดินหนักมากๆ ครับ

วันแรกที่ไปอากาศเย็น หนาวลม (เพราะลมแรงมาก)
เสื้อ Sweater แบบในรูปเอาไม่อยู่ครับ

วันที่ 2 เป็นต้นไป เลยต้องงัดขนเป็ดออกมาใช้ครับ
และก็พบว่าหนาวเป็นบางช่วง เลยใส่บ้าง ถอดบ้างตามสภาพอากาศ

           ต่อไปจะใช้รูปภาพ แทนการเล่าเรื่องพอเป็นตัวอย่างนะครับ ขอแนะนำว่าถ้ามีโอกาสอยากให้ไปสักครั้งจะได้ไปเปิดมุมมองใหม่ๆ ได้เห็นโลกกว้างขึ้น  เห็นบ้านเมืองเค้าที่เป็นระเบียบ สะอาด อากาศดี ผู้คนใจดีคอยให้ความช่วยเหลือตลอดครับ (สามารถสอบถามเส้นทางได้ แม้บางคนจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษแต่ก็เต็มใจช่วยเหลือ และใช้ภาษามือสื่อสารกันครับ)

Universal Studio Japan หรือ USJ



พิพิธภัณฑ์ทาโกะยากิ อยู่ชั้น 4 ของสถานี JR Universal City Walk



      ถนนคนเดินที่โรงกษาปณ์ Japan Mint Museum
เป็นช่วงที่จัดงานให้เข้าชมซากุระพอดี วันที่ไปเป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน



Floating Garden Observatory อยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึก Umeda Sky Building



Kiji Okonomiyaki อยู่ชั้นใต้ดินของตึก Umeda Sky Building


HEP Five Ferris Wheel สถานี Umeda


กินสเต็กเนื้อโกเบ ที่ Steak Land Kobe



ย่าน Shinsaibashi และ Dotombori



Himaji Castle



Chanpit Chirith

No comments:

Post a Comment

SUBSCRIBE