เที่ยวฮ่องกง 3 วัน 2 คืน ตอนที่ 1


      การกลับไปเที่ยวครั้งนี้ มีหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้ผมและแฟนได้กลับไปเยือนฮ่องกงเป็นครั้งที่ 2 นั่นก็คือ ตั๋วโปรจาก Air Asia และตั้งใจไปช่วงที่ลดทั่วเกาะ จึงทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นครับ


      ช่วงเวลาลดทั่วเกาะฮ่องกง จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ


1.Summer Sales จะเริ่ม 30 มิถุนายน ถึง 31 สิงหาคม
2.Winter Sales จะเริ่มปลาย ๆ เดือน พฤศจิกายน ถึง เดือน กุมภาพันธ์ 





ภาพจาก discoverhongkong.com



ฮ่องกง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอีกที่หนึ่งของคนไทย ดังนั้น การไปเที่ยวโดยไม่ง้อทัวร์ คงไม่ได้ยากเกินความสามารถของเรา ซึ่งข้อมูลต่างๆ ก็มีรีวิวจากผู้ที่เคยไปมาให้เราศึกษามากมาย ซึ่งผมอาศัยเว็บหลักๆ ดังนี้

            1.Hong Kong Fan Club (http://www.hongkongfanclub.com/index.php)
            2.เที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง (http://hongkong-guide.blogspot.com/)
            3.Hong Kong Package (http://www.hongkongpackage.net/board/index.php?topic=251.0)

       สำหรัการเดินทางจากกรุงเทพฯไปฮ่องกง ก็มีรีวิวไว้เช่นเดียวกัน ผมขออ้างอิงจากรีวิวของลุงเด้งกับป้าไก่ กูรูชื่อดังเลยจะดีกว่าครับ เพราะลุงเด้งกับป้าไก่ทำรีวิวไว้ละเอียดและชัดเจนครับ  

        เกริ่นนำมาพอสมควรแล้ว ผมขอเข้าการรีวิวในวันแรกเลยนะครับ จะได้ไม่เยิ่นเย้อ อิอิ

      ผมออกเดินทางจากเมืองไทยในวันที่ 7 ก.ค. 2557 ด้วยเที่ยวบิน FD508 เวลาบิน 06.35 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. กว่าๆ ก็ถึงสนามบิน Hong Kong International Airport หรือ สนามบินเช็กแล็บก็อก ซึ่งเวลาในฮ่องกงจะเร็วกว่าไทย ประมาณ 1 ชม. โดยถึงฮ่องกงเวลา 10.15 น. ครับ

บินไปกับ Air Asia

     ในครั้งนี้ผมได้แลกเงินเป็น USD กับ HKD ไป เนื่องจากทราบมาจากรุ่นพี่ว่าใช้ USD แลกเป็นเงินไทยจะขาดทุนน้อยกว่า HKD ครับ ในกรณีที่ใช้เงินไม่หมดแล้วแลกกลับเป็นเงินไทยครับ

      เมื่อผ่าน ตม. เรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือการนำ Online Ticket ไปแลกตั๋วดิสนีย์แลนด์ 1 day ticket ที่เคาน์เตอร์ A08 ตรงทางออก (ผมซื้อจากเว็บ Hong Kong Fan Club ราคาใบละ 1,670 บาท ไม่รวมค่าส่ง) และไปซื้อบัตร Octopus ซึ่งเป็นบัตรที่ใช้แทนเงินสดในฮ่องกง ใช้จ่ายค่าเดินทางด้วย MTR, รถเมล์, เรือข้ามฟาก อีกทั้งยังสามารถใช้ซื้อของที่ 7-11, โทรศัพท์, ตู้กดน้ำ และที่อื่นๆ อีกมากมายครับ ซึ่งราคาบัตร Octopus สำหรับผู้ใหญ่ 150HKD ประกอบด้วย เงินในบัตร 100HKD และมัดจำ 50HKD
ซื้อบัตร Octopus

       หากเรา Refund บัตร Octopus จะได้เงินมัดจำ 50HKD บวกกับเงินที่คงเหลือในบัตรคืน แต่จะโดนยึดค่าบัตร 9HKD คล้ายๆ กับเป็นค่าธรรมเนียมการออกบัตรนั่นแหละครับ ซึ่งข้อควรรู้เกี่ยวกับบัตร Octopus Card ผมหาข้อมูลมาจาก Blog ของคุณภูผาวารีครับ

จากนั้นก็เดินทางเข้าเมืองกันดีกว่าครับ ผมเลือกเดินทางโดยรถ Bus สาย S1 ไปต่อ MTR ที่ MTR Tung Chung เพราะประหยัดที่สุด และผมจองที่พักที่จิมซาจุ่ย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ MTR Tsim Sha Tsui ก็ถือว่าสะดวกมากครับ (การเดินทางดูได้จาก รีวิวการเดินทางเข้าเมือง จากสนามบินฮ่องกง โดยรถ Bus สาย S1 กับ MTR ... ประหยัดที่สุด)

 รอรถ Bus สาย S1

คนใช้บริการกันค่อนข้างเยอะ
  
รายละเอียดบนป้าย
 

ภายในรถ




        เมื่อมาถึง MTR Tsim Sha Tsui ผมก็จะไป Check-in ที่ Hostel ชื่อ Modern Inn อยู่ในตึก Mirador Mansion ชั้น 9 FlatA15 โดยออก MTR Tsim Sha Tsui Exit D1/D2/N5 ซึ่งผมจองใน Agoda ในราคาคืนละประมาณ 1,700 บาท ที่เลือกพัก Hostelเพราะประหยัด เดินทางสะดวก และใกล้แหล่ง Shopping ต่างๆ ก่อนผมจะจองที่นี่ผมได้ลองหาข้อมูลของ Hostel นี้ก็พบว่าเพิ่งเปิดเมื่อปีที่แล้ว (ปี 2013) และมีคนมารีวิวใน Trip Advisor แล้วค่อนข้างโอเค เลยตัดสินใจลองดู 

ตึก Mirador Mansion
ภาพจากการ search google (จำแหล่งที่มาไม่ได้ ขออภัยเจ้าของภาพด้วย)


ภายนอกตึกดูเก่าๆ ผู้คนพลุกพล่าน (ทั้งคนจีน คนผิวดำ และแขก) ลิฟท์เล็ก และน้อย แต่พอเข้าไปใน Hostel ต่างกันลิบลับเลยครับ ดูใหม่ ทันสมัย สะอาดสะอ้าน แต่แคบมากๆครับ สำหรับ Modern Innมีห้องพักทั้งหมด 5 ห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ำส่วนตัว และมี WI-FI ในห้องครับ ประตูทั้งด้านหน้าทางเข้า และประตูห้องทุกห้องเป็นประตูอัติโนมัติ ไม่ต้องใช้กุญแจ ทาง Hostel จะบอกรหัสเปิดให้ในนามบัตรของ Hostel ซึ่งรหัสเปิดประตูจะถูกเปลี่ยนทุกๆ วัน ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ไร้กังวลแน่นอนครับ
ชั้น 9 FlatA15 โดยออก MTR Tsim Sha Tsui Exit D1/D2/N2
               
         สำหรับคนดูแล ชื่อ คุณ Nelson ซึ่งเป็นเจ้าของ Hostel นี้ด้วย สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี พูดจาดี เป็นกันเอง และไม่มาจุกจิกอะไรเลยครับ ถือว่าประทับใจทั้งที่พักทั้งเจ้าของครับ

ทางเดินหลังจากเปิดประตูเข้าไป

 เคาเตอร์เล็กๆ ตรงนี้มีก๊อกน้ำดื่ม, กระติกน้ำร้อน, กาแฟ ให้ชงกินได้ครับ
ที่นี่ไม่มีตู้กดน้ำเย็นนะครับ
  
ห้องพักของผม คือ ห้อง 2 ครับ
  
แคบมาก แต่สะอาด และใหม่ครับ

 เตียงนอนถึงจะดูเล็ก นอนได้อาจจะอึดอัดหน่อยใต้เตียงสามารถวางกระเป๋าเดินทางได้อีกครับ
  
มีสะพานไฟให้เรียบร้อยแล้วครับ ดีเยี่ยมจริงๆ
 
มีไดร์เป่าผมให้ด้วยครับ
  
 ถึงไม่มีตู้เสื้อผ้า แต่มีที่แขวนเสื้อ พร้อมเคาเตอร์เล็กๆ ไว้วางของ

ด้านล่างเคาเตอร์สามารถวางกระเป๋าเดินทางใบย่อมๆ ได้ 2 ใบครับ

ส่วนห้องน้ำจะแคบที่สุดเลยนะครับ ถ้าคนตัวใหญ่หน่อย อาจจะอึดอัดครับ

ที่นี่มีครีมอาบน้ำ, แชมพู และครีมนวดผม ให้ด้วย และ ฝักบัวก็ปรับน้ำร้อน - เย็นได้ด้วยครับ

รวมทั้งเตรียมผ้าขนหนู และผ้าเช็ดผมให้ด้วยครับ

      หลังจากจัดการ Check-in และเก็บสัมภาระกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปหามื้อกลางวันอร่อยๆ กินครับ แต่ก่อนไปทานมื้อกลางวัน ผมต้องแลกเงิน HKD ก่อน ซึ่งร้านแลกเงินที่ให้เรทดีที่สุดก็อยู่ที่ตึก Mirador Mansion ที่ผมพักนี้เองละครับ ผมจำชื่อร้านไม่ได้ แต่จำได้ว่าป้ายร้านจะเป็นป้ายสีส้มๆ นะครับ

     มื้อกลางวันมื้อแรกที่ฮ่องกง ผมจัดข้าวหมูทอดกระเทียมพริกที่ ร้าน Relax for a While อยู่แถว MTR Tsim Sha Tsui ทางออก B2ซึ่งผมติดใจตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เลยต้องมาซ้ำครับ

       การเดินทางก็ไม่ยากอย่างที่คิดนะครับ ผมก็ตามรอยลุงเด้งกับป้าไก่เลยครับ จากทางออก B2 ให้เดินออกมาจะเจอร้าน Sasa (ขายน้ำหอมถูก) อยู่ด้านขวามือ จากนั้นเดินไปทางขวามือตาม Nathan Road ผ่าน Granville Road แล้วมาเลี้ยวขวาอีกที่ตรง Kimberley Road  ตรงนั้นจะมีห้างใหญ่ชื่อ Miramar Tower ให้ข้ามถนนมาเดินไปทางขวาเลียบตัวห้างไปเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ซ้ายมือตรงสามแยก Kimberley Road ตัดกับ Carnarvon Road ร้านอยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรม Kimberley Inn และตรงข้ามตึก Kimberley 26 ครับ

 หน้าร้าน Relax for a While
  
ข้าวหมูทอดกระเทียมพริก จานละ 68HKD

เกี๊ยวกุ้ง ชามละ 34HKD พร้อมโค้ก 19HKD


       ต้องบอกว่ารสชาติอร่อยสู้ครั้งที่แล้วไม่ได้ครับ แถมราคาแพงขึ้นมากๆ ครับ จากเดิม ข้าวหมูทอดกระเทียมพริก จานละ 53HKD (เมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่แล้ว) เป็น 68HKD

เมื่ออิ่มท้องก็เดินทางไปสักการะศาลเจ้าแม่กวนอิมที่หาด RepulseBay Beach โดยต้องไปต่อรถ Bus สายตระกูล 6 ที่ตึก Exchange Square ที่ MTR Central ซึ่งผมนั่งสาย 66 ครับ

รอรถ Bus สายตระกูล 6

วิวสวยๆ ระหว่างทางขึ้นเขา




ในรถ Bus จะมีป้ายไฟบอก Station ทุกป้าย ซึ่งป้ายที่ต้องลง คือป้าย Repulse Bay Beach
โดยมีจุดสังเกตุ คือ เมื่อเห็นตึกที่มีรูปสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง ให้เตรียมตัวลงครับ

จากนั้นให้ข้ามถนนไปอีกฝั่ง แล้วเดินลงบันไดไป เพื่อไปเดินเลียบชายหาด

เดินเลียบชาดหาดไปเรื่อยๆ จะเห็นศาลเจ้าแม่กวนอิมอยู่ด้านหน้า และแล้วก็ถึงจุดหมาย

พระที่ขอพรเรื่องมีลูก (องค์ขาวด้านซ้าย) และ
เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย เทพไฉ่ซิงเอี้ย (องค์ดำด้านขวา)

 เจ้าแม่กวนอิม งดงามมาก

เทพต่างๆ

สะพานอายุยืน ข้ามไปแล้วอายุจะยืนขึ้น 3 ปี

      จุดหมายต่อไป คือ จุดชมวิว Sky100 หรือชื่อเต็มๆ ว่า Sky100 Hong KongObservation Deck ที่ตึก ICC โดยไปออก MTR Kowloon ทางออก C1 จะไปโผล่ที่กลางห้าง Element ซึ่งผมซื้อตั๋ว Sky100 ที่งาน TITF ครับ เป็นโปรโมชั่น ตั๋วใบละ 470 บาท แถมแก้วสูญญากาศเก็บความร้อน ความเย็น ราคา 88 HKD ที่เป็นของที่ระลึกของที่นี่ครับ ถือว่าคุ้มมาก

Sky100

Sky100

 ขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่ 100 โดยใช้เวลาเพียง 60 วินาที


ถึงแล้ว Sky100

วิวสวยๆ ที่ Sky100


Sky100 เป็นตึกที่สูงเป็นอันดับที่ 7 ของโลก
                    
       และแล้วก็มาถึงจุดหมายสุดท้ายของวันนี้กันแล้วครับ ซึ่งก็คือ Ladies Market เป็นตลาดนัดที่ขายของเน้นสำหรับคุณผู้หญิง ของที่ขายก็มีตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋าถือ เคสโทรศัพท์มือถือ ผ้าพันคอ รองเท้า ตุ๊กตา accessories ต่างๆ บรรยากาศจะคล้ายๆ สำเพ็งหรือจตุจักรบ้านเรา
 
Ladies Market ตั้งอยู่ระหว่าง MTR Mong Kok กับ MTR Yau Ma Tei สะดวกสถานีไหนก็ลงสถานีนั้นเลยครับ ถ้าลง MTR Mong Kok ให้ออก Exit E2 แต่ถ้าลง MTR Yau Ma Tei ให้ออก Exit A2 แล้วเดินไปยังถนน Tung Choi Street เปิดตั้งแต่ตอน 12.00 น. ไปจนถึง 23.00 น. แต่ถ้าเป็นวันหยุดหรือเทศกาลก็จะปิดดึกกว่านี้ครับ

ภาพจาก discoverhongkong.com
 
       เที่ยวกันเพลินเลยลืมไปว่ายังไม่ได้กินมื้อเย็นนี่หว่า คิดได้ดังนั้นก็ตามรอยลุงเด้งกับป้าไก่ (อีกแล้ว 555) ไปกินบะหมี่ลูกชิ้นปลาเจ้าอร่อยใน Ladies Market ครับ หายากสักหน่อยนะครับ ผมก็เดินวนหาหลายรอบจนจะถอดใจ สุดท้ายก็เสี่ยงถามคนแถวนั้นครับ 

        ร้านนี้เส้นบะหมีจะเหนียว และกรอบ ลูกชิ้นปลา ฮื่อก้วยก็เหนียวหนึบหนับ มีรสพริกไทยผสมในลูกชิ้นปลาด้วย อร่อยดีครับ
บะหมี่ลูกชิ้นปลา ชามละ 27 HKD

 เส้นเล็กเนื้อตุ๋น ชามละ 38HKD รสชาติอร่อยเช่นเดียวกันครับ


       พออิ่มกันแล้ว ก็เริ่มเหนื่อย เลยกลับที่พักไปนอนตุนเอาแรงไว้ไปลุย Disneyland Hong Kong พรุ่งนี้กันต่อครับ

ติดตามรีวิวเที่ยวฮ่องกง 3 วัน 2 คืน ตอนที่ 2 ได้นะครับ






Chanpit Chirith

No comments:

Post a Comment

SUBSCRIBE