วันที่ 2 เริ่มต้นขึ้นด้วยการเก็บข้าวของย้ายที่พัก ไปพักโรงแรมที่บริษัทผม booking ไว้ให้ครับ คือ โรงแรม Gallery Hotel อยู่ Nanson Road ซึ่งต้องไปต่อรถบัสถึงจะถึงโรงแรม ทำให้ผมต้องหาข้อมูล
การเดินทาง รวมทั้งการเดินทางในสิงคโปร์ โดยใช้รถบัสด้วยครับ
โรงแรม Gallery Hotel อยู่ Nanson Road ตั้งอยู่ที่ 1 Nanson Rd, Singapore 238909
วิธีเดินทางไปโรงแรมนี้ คือ
1. นั่งรถไฟใต้ดิน จาก MRT Farrer Park ไปขึ้นที่ MRT Clarke Quay Exit E หรือ F (ตรง ห้าง Central) โดยเลือกไปทางที่จะไป HabourFront ใช้เวลาประมาณ 6 นาที ค่าโดยสารประมาณ 0.88 เหรียญ
2. จากนั้นให้เดินผ่านถนน Carpet Street จะเจอป้ายรถบัส 05029 Boat Quay ซึ่งอยู่ตรง Sth Bridge Road เพื่อรอขึ้นรถบัสสาย 51
3. ขึ้นรถบัสสาย 51 ไปลงป้าย 20261 Blk2 ที่ Jurong Town Hall Road จุดสังเกต คือ ตึกสีส้มใหญ่ๆ ที่มีหน้าต่างหลายๆ บาน ทางขวามือ
4. เมื่อเจอสะพาน Alkaff Bridge ซึ่งมีหลากสี ให้เดินข้ามสะพานนี้มา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า Nanson Road
5. เดินไปตามถนนเรื่อยๆ ไม่ไกลมากจะเห็น โรงแรม Gallery Hotel อยู่ทางขวามือ
ห้าง Central ตรง MRT Clarke Quay
ห้าง Central ตรง MRT Clarke Quay
ป้ายรถบัส 05029 Boat Quay
โรงแรมที่อยู่ตรงป้ายรถบัส 05029 Boat Quay
ภายในรถบัส
พอเห็นตึกสีส้มใหญ่ๆ ที่มีหน้าต่างหลายๆ บาน เตรียมตัวกดกริ่งลงได้เลย
สะพาน Alkaff Bridge
เห็นโรงแรม Gallery Hotel แล้วครับ
หน้า Lobby
มุมโต๊ะเขียนหนังสือ
มุมกาแฟ
ตู้เสื้อผ้า
มุมห้องน้ำ
ต้องใช้ปลั๊กแบบหัวเหลี่ยม 3 ขา 220 โวลท์
เตรียมสะพานไฟไปก็จะยิ่งสะดวกครับ
หลังจาก Check-in เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาออกไปหามื้อเที่ยง และเที่ยวต่อกันครับ มื้อเที่ยงที่จะไปกิน คือ ร้าน Songfa Bak Kut Teh สาขาแรก เป็นร้านบักกุ๊ดเต๋ ชื่อดังของสิงคโปร์ อยู่ฝั่งตรงข้าม MRT Clarke Quay Exit E
ร้าน Songfa Bak Kut Teh สาขาแรก อยู่ที่ 11 New Bridge Road
พอลงบันไดเลื่อนนี้ จะเห็นร้านอยู่ทางขวามือเลยครับ
ตัวอย่างเมนูครับ
บักกุ๊ดเต๋ อร่อยมากๆ ซุปเข้มข้น ขอเติมน้ำซุปได้ตลอดๆ ครับ
ราคาชุดนี้ประมาณ 25 เหรียญ รวมเครื่องดื่มด้วย
หลังจากอิ่มแบบสุดๆ กันแล้ว ก็ได้เวลาเดินย่อยกันต่อ ซึ่งเราเดินเล่นที่ห้าง Central นั่นแหละครับ โดยห้างนี้จะอยู่ตรงข้ามท่าเรือ Clarke Quay ครับ
ห้าง Central
มาต่อกันที่ของหวานครับ นั่นก็คือ ไอศครีมนม Hokkaido Icecream Azabu Sabo Singapore จากญี่ปุ่น อยู่ที่ห้าง Central เนี่ยแหละครับ ตรงข้ามท่าเรือ Clarke Quay
รสชาเขียว อร่อยมากครับ หอม หวาน มัน จริงๆ
ราคาแพงใช้ได้อยู่ครับ ถ้วยนี้น่าจะประมาณ 7 เหรียญครับ
จากนั้นก็เดินเล่นกันต่อ แถวๆ Clarke Quay จนเลยไปถึงย่าน City Hall ครับ เดินชมเมือง เดินย่อย แล้วหาไรกินกันต่อ 555
ศิลปะภาพวาดบนกำแพง
เดินเล่นชมเมืองย่าน Clarke Quay
ย่าน City Hall
Parliament of Singapore
Parliament of Singapore
โบสถ์คริสต์
ร้าน Charlie and Katie ที่ห้าง City Link
ออเดอร์เยอะครับ 555
เดินไปสักพักใหญ่ก็เริ่มเหนื่อยแล้วกัน ทริปนี้เดินเยอะจริงๆ เราก็เลยคิดว่าจะไปกินมื้อเย็นที่ร้าน Swee Choon ที่หมายตากันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน และไปเดินเล่นที่ห้างมุสตาฟาอีกครั้ง
คิดแผนได้แล้วเราก็เลยนั่งรถเมล์กันไปครับ เพราะติดใจจากการนั่งเมื่อเช้า ซึ่งถ้าเรารู้เทคนิคการดูสายรถเมล์ และรู้ชื่อป้ายที่ลง ก็สามารถนั่งรถเมล์ที่สิงคโปร์ได้ง่ายๆ แล้วครับ
เรานั่งมาลงที่ป้าย Broadway Hotel แล้วเดินเล่นกันชิวๆ ต่อ ซึ่งวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ครับ เดาว่าเป็นวันหยุดของพวกแขก ทำให้เราเจอฝูงชนแขกเยอะมากๆ จะน่ากลัวก็ไม่เชิงครับ
ป้าย Broadway Hotel
รอคิวที่ร้าน Swee Choon
โต๊ะเต็มครับ เลยได้มานั่งแถวหลังร้าน 555
เมนูมีภาษาอังกฤษนะครับ
แต่ใบเสร็จดันเป็นภาษาจีน แป่ว!!!
มื้อนี้ราวๆ 25 เหรียญครับ
ผมเห็นมีชาอู่หลงกับชามะลิ นึกว่าจะเป็นชาชงใหม่ๆ สดๆ
พอมาเสริฟปั๊ป เซ็งเลยครับ ชากระป๋อง ไม่น่าพลาดเลยตู -_-"
ข้าวอบหมูแดง กับ ทาร์ตไข่
จานนี้เห็นเป็นเมนูแนะนำ เลยสั่งมาคล้ายกับราดหน้า แต่ใส่ไข่ด้วยครับ
ขนมจีบปู กับ ซาลาเปาลาวา
โชว์ลาวาให้เห็นชัดๆ ครับ
เมื่ออิ่มหนำกับอาหารจีนไปแล้ว เราก็มาตามหา Signature ของสิงคโปร์อีกอย่างหนึ่งที่ห้างมุสตาฟากันครับ และแล้วเราก็เจอ มันคือ ขนมปังการ์ดิเนีย รสบานานาวอลนัท ต้องขอบอกเสียงดังๆ ฟังชัดๆ ว่า อร่อยล้ำเลิศมากๆ ขนมปังนุ่ม หอมกลิ่นกล้วย ตลบอบอวล และมีความกรุบกรอบของวอลนัท หากใครได้ไปสิงคโปร์ ขอย้ำนะครับว่าห้ามพลาด ไม่งั้นจะเสียใจนะครับ ซึ่งผมเหมาเจ้านี่กลับมาทั้งหมด 9 ถุง แฟนผมกลับมาก่อน หิ้วกลับมา 6 ส่วนผมหิ้วกลับมา 3 อิอิ
ขนมปังการ์ดิเนีย รสบานานาวอลนัท ราคา 3 เหรียญ
สมกับสโลแกนว่า "อร่อยแท้ๆ แม้ไม่ทาอะไรเลย" จริงๆ ครับ
เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว จุดหมายสุดท้ายของเรา (เพราะแฟนผมจะกลับเมืองไทยก่อนครับ) ทริปนี้ คือ ไป Fountain of Wealth น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง ที่ ตึก Suntec City ครับ
เราก็นั่งรถเมล์เหมือนเดิมครับ ติดใจจริงๆ ได้ชมบ้านเมืองเค้าไปด้วย ซึ่งผมต้องไปดูการแสดงน้ำพุให้ทันรอบ 2 ทุ่ม และแล้วผมก็ลงป้ายหน้าตึก Suntec City เลยครับ
หน้าตึกมีจอขนาดยักษ์ที่แสดงภาพโลกกำลังเคลื่อนตัวครับ
ขอบอกว่าสวยงามมากครับ
ถึงตึก Suntec City แล้วครับ
หา Fountain of Wealth ไม่ยาก เพราะมีป้ายบอกทางตลอดครับ
การแสดง Fountain of Wealth เริ่มแล้วครับ
พอการแสดงจบ เราก็มาเดินเล่นกันต่อที่ ห้าง City Link และ ห้าง Raffles City จากนั้น เราก็ไปกินโดนัทของ ร้าน J.Co Donuts ที่ห้าง Raffles City
รสชาดก็โอเคครับ ราคาก็แพงใช้ได้เลยครับ
ห้าง Raffles City
และแล้วเราก็กลับที่พักกันด้วยความเหนื่อยล้า และเมื่อยสุดพลัง 555 เราเดินทางกลับโดยใช้รถเมล์เช่นเดิมครับ
สำหรับ 2 วันที่ผ่านมานี้ ถือว่าเราได้เที่ยวกันเต็มอิ่มมากๆ ครับ ทั้งกิน ทั้งเดิน เต็มที่จริงๆ พรุ่งนี้ผมก็ต้องเข้าสู่โหมดการทำงาน เพราะมาดูงาน ส่วนแฟนผมก็เตรียมตัวกลับเมืองไทยครับ
No comments:
Post a Comment