Running Man ขอสรุปงานวิ่งบุรีรัมย์ มาราธอน 2560 ว่า
1.ในส่วนของสนามวิ่ง ดีมาก ปิดถนน 100% ตามที่ประกาศไว้ ไม่มีแม้แต่ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน สุนัข ฯลฯ ถึงถนนบางช่วงจะ 6 เลนสวน ก็ปิดหมด ดีงาม
2.ถนนเรียบมาก เหมือนทำใหม่ทั้งเมือง มีแค่บางเส้น 2-3K ที่เป็นหลุมตื้นๆ บ้าง แต่หินก้อนเล็กๆแหลมๆเยอะเหมือนกัน สงสารคนวิ่ง Barefoot...
3.ความสะอาดดีมาก วิ่งไปทางไหนๆ ก็ไม่เห็นกองขยะรกๆเละๆเลย
4.เมืองน่าอยู่ อากาศดีมาก ค่าครองชีพไม่สูง
5.ปีหน้ามาอีกไม๊? (เค้าประกาศแล้ว จัดวันที่ 11/02/2018) ดูก่อน ว่ามีใครจะมาป่าว อาจจะมาเก็บ Half อิอิ
6.สนามบอล+สนามช้างฯ เป็นอะไรที่อลังการ+ดูมีมาตรฐานจริงๆ
7.วันวิ่งตอนเช้า เพื่อนๆชาวคณะ 21K-10K มาไม่ทันเวลา Start เพราะการจราจรค่อนข้างติดขัด ปีหน้าควรจะต้องวางแผนการจราจรใหม่ เนื่องจากปิดถนน 100% เนี่ยแล่ะ อาจจะแบบ มีเส้นทางเฉพาะให้รถสองแถววิ่ง โดยไม่รวมกับรถภายนอกอะไรแบบนี้
สำหรับคนชอบอ่านยาวๆละเอียด
=ก่อนวันวิ่ง=
- งานนี้ลงเพราะโฆษณาดีงามมาก มาตรฐานโลก มีการจัดการต่างๆนาๆ เป็นมาตรฐาน มั่นใจว่าจัดดีแน่นอน เลยสมัครไปตั้งแต่เปิดรับสมัครใหม่ๆเลย
- ระบบการรับสมัคร จ่ายเงิน ฯลฯ ตามมาตรฐาน Running Connect แต่ไม่ค่อยเข้าใจอยู่อย่างนึงว่า ทำไมไม่ประกาศสถานที่รับเสื้อใน กทม. ในระหว่างรับสมัคร เลยต้องเสียค่า EMS - -"
- วันเสาร์ที่ 11 เดินทาง ก่อนหน้านี้ เช็คสภาพอากาศ พบว่า ตอนเช้า เวลา Start ตี 4.00 อุณหภูมิ อยู่แถวๆ 14-17 องศา ไปจน 8 โมง... หนาวกว่าที่คิด ไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย แต่คิดว่าวิ่งสนุกแน่ๆ อากาศเย็นๆแบบนี้ชอบ
- เดินทางเข้าสู่เมืองบุรีรัมย์ สัมผัสได้ถึงเมืองที่"สะอาด" มากๆ ถนนทำใหม่เตรียมรับงาน ทำความสำอาด ทาสีถนน ขยะไม่มีเลย สะอาดแบบไม่คิดว่าจะสะอาดขนาดนี้ แถมทางเท้าใหญ่ น่า City Run มาก...
- ก่อนเข้าที่พัก ไปลุย Expo Day ที่สนามช้างฯ ก่อน เผื่อมีของลดราคา เข้าทางประตู I-Mobile Stadium ทะลุเข้าไป ลึกพอสมควร กว่าจะถึง ที่จอดรถเหลือๆ
- Expo Day ไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่กี่ร้าน เป็น Sponsor งานมาออกบูธ ซะมากกว่า เลยไปเน้นถ่ายรูปเส้น Start แทน แดดแรง ลมแรง วันวิ่งก็คงประมาณนี้ ถ้าแดดออกคือร้อนเลย แต่ลมยังเย็น
- พัก โรงแรมพนมพิมาน ของ ม.ราชภัฎบุรีรัมย์ ราคาโอเค สภาพห้องโอเค ไม่มีประเด็นอะไร แอร์เย็น ใครมาเที่ยวแนะนำเลย อยู่กลางเมือง
- ร้านอาหารร้านแรกที่กินคือ "เป็ดย่างคูเมือง" ร้านขึ้นชื่อของที่นี่ อร่อย+ราคาไม่แพง แนวอาหารอีสาน สั่งมาเหอะ เป็ดย่าง ตูดเป็ดย่าง(ต้องสั่ง!) ฯลฯ อร่อยทุกอย่าง
- ตบด้วยของหวานร้านดังเมืองบุรีรัมย์ "คิดถึงเบอเกอรี่" Honey Toast... ปิดคอร์สโหลด กลับห้องนอนได้... 55+
=วันวิ่ง=
- ตื่นตี 2 เตรียมตัวทุกอย่าง พึ่งมารู้ตัวว่าลืมกระเป๋าคาดเอว... ดีที่เอะใจเอาเป้น้ำมาเผื่อ กะจะไม่ใช้ เพราะมันทำเสื้อเป็นรอยไป 2 ตัวและ อาจจะขายทิ้งซื้อรุ่นใหม่... - -"
- สภาพร่างกายพร้อม เพราะนอนไม่ทรมานเท่าไหร่ เตียงดี แอร์เย็น เตียงแยก เพราะเดี๋ยวต่อตื่น
- จากการสำรวจเมื่อวาน เห็นว่ามีรถรับส่งไปสนามช้างฯ จากหน้าศาลากลางฯ ซึ่งห่างจาก โรงแรม 300 เมตร เดินสบายๆ
- ออกจากประตูโรงแรมปุ๊ป ความเย็นปะทะหน้า ลมเอื่อยๆ ตัดสินใจ Jog ไปดีฝ่า ประเมินสถานการณ์ก่อนวิ่งจริง โอเคเลย น่าจะวิ่งดีอย่างที่คิด
- รถสองแถวมารอ 2-3 คัน ตอนแรกคาดว่าจะมีเพื่อนนักวิ่งมารอกันเยอะ ที่ไหนได้ เหมาคันเลย คนเดียว 555+
- 20 นาที ถึงสนามช้างฯ ระหว่างทางก็มีรับคนมาเรื่อยๆ อากาศเย็น+ลม = หนาว - -"
- ถึงสนามช้างฯ แล้ว ลมแรงกว่าข้างนอกอีก เดินจากที่ลงรถมาสักพัก ก็เห็นนักวิ่งมารอพอสมควรและ ก็วิ่งวอร์ม ยืดเหยียดไป ทักทายช่างกล้องที่มาเตรียมตัวลงทะเบียนกันแต่เช้า เลยไปสำรวจว่ามีทีมไหนมาบ้าง ตาม Concept "วิ่งเพื่อรูป"
- ตามมาตรฐานงานวิ่ง เค้าแบ่งนักวิ่งจากเวลาที่จะจบ ลงเป็น Block A-E เราไม่กดดัน Block D ชิวๆ...
- รอ ตี 4.00 เพื่อเริ่มวิ่ง ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ หรือชินบรรยากาศก็ไม่รู้ Full ที่ 4 และ 555+
=ตอนวิ่ง=
- ปล่อยตัวตรงเวลาเป๊ะมากๆ ตี 4.00 ตรง
- ด้วยสภาพอากาศ คิดถึงตอนไปวิ่งเล่นที่ ญี่ปุ่น(ไม่ได้ลงงานอะไร ไปเที่ยว คนอื่นไปช๊อบ เราว่าง เลยวิ่ง City Run) รู้สึกวิ่งสนุกมาก เลยตั้งใจลองคง Pace 7.30 ดูตลอดระยะ 42.195K
**0-5K**
- วิ่งในสนามช้างฯ Track แข่งรถ เรียบ+หนึบมาก วิ่งสนุกเลย คง Pace ไปเรื่อยๆ ใครจะแซงปล่อยไป ตั้งใจเกาะ Pacer 5.30 ไปยาวๆ
- วิ่งมากลางทางในสนามช้างฯ ทำไมมีคนแยกวิ่งไปอีกทางเป็นพรวนเลย มีแต่ผู้ชาย คิดในใจ เค้าแยกวิ่งด้วยเรอะ... ที่ไหนได้ ไปฉี่ 555+ ก็เข้าใจแล่ะ อากาศเย็นแบบนี้... ซึ่งตอนนี้ก็ปวดๆมั่งและ...
- ใกล้จะออกจากสนามช้างฯ เริ่มคิดถึงคราวจอมบึง รอเข้าห้องน้ำ 15 นาที แต่ใจก็ยังไม่กล้า แต่พอได้ยินคนข้างๆคุยกันเรื่อง "จะได้ไปคุยว่า ครั้งนึงเคยได้มาฉี่ข้างในสนามช้างฯ" อย่ากระนั้นเลย แวะมั่ง 555+
- สบายตัวสบายใจ เจอลูกโป่ง 6.00 ชม. ลืมคิดเรื่องเกาะลูกโป่งสนิทเลย - -"
- ไม่รีบตาม กลัวพลาดหมดแรง เลยวิ่ง Pace เดิม เดี๋ยวก็ทันเอง เพราะ 5.30 ต้องวิ่งราวๆ 7.40 เดี๋ยวก็ทันมั้ง...
**6-13K**
- คง Pace เดิมสบายๆ อากาศเย็น Heart Rate ต่ำ วิ่งพริ้วๆเลย
- พ้น 7K เข้าสู่ทางเรียบคลองส่งน้ำเล็กๆ ประมาณ 2-3K บ้านชาวบ้านประปราย มานั่งหน้าบ้านคอยเชียร์ รู้สึกถึง จอมบึง Model แต่คาดว่าคงมารอรับเสด็จ องค์ภาฯ ที่ลงระยะ Half (ยังสิ่งเส้นเดียวกันอยู่)
- บรรยากาศการเชียร์ทำให้ตื่นเต้นได้เหมือนกัน มีตลอดระยะทาง เยอะมาก เพลงหมอลำ เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์
- มาทันลูกโป่ง 5.45 เลยใจชื้นขึ้นมา รอไล่เก็บ 5.30 ต่อไป
**14-23K**
- Pace เดิม ไม่มีปัญหา อากาศดีต่อใจจริงๆ ยาวไปๆ
- เข้าสู่ถนนริมอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก ขาไป พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น มึดตื๋อ เห็น Pacer 5.30 อยู่ข้างหน้าลางๆ ค่อยยังชั่ว ทันแล้ว...
- พ้นถนนริมอ่างฯ เป็นเส้นถนนสวนกัน ไป-กลับ แคบๆ แซงยากมาก ไม่อยากเร่งแรงไป เกาะลูกโป่ง 5.30 มาได้ 2-3K ก็แซงไปห่างๆ ให้อุ่นใจ กะว่าคงไปโดนไล่ตอน 35K อันโหดร้ายนั่นแล่ะ - -"
- วกไปกลับตัว มาขึ้นถนนริมอ่างฯ ก็สว่างพอดี บรรยากาศ พระอาทิตย์สีส้ม สะท้อนพื้นน้ำกว้างๆ แดดอุ่นๆ อากาศเย็นๆ วิ่งลืมเหนื่อยเลย
- วิ่งมากลางทางของถนนริมเขื่อน ทำไมข้างหน้าดูชุลมุน... จุดกลับตัว ระยะ Half นี่เอง คนเยอะมาก.... แต่ก็ไม่ได้แน่นมากแบบไหล่ต่อไหล่นะ แค่ต้องวิ่งตรงๆ ให้ Half วิ่งหลบเอาเอง...
- เจอช่างกล้อง 2-3 คนตรงนี้ จำเวลา แล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งรวมกับกลุ่ม Half ต่อไป จุดนี้ ต้องมองนาฬิกาคุม Pace ตลอด ไม่งั้นจังหวะของคนอื่นๆ จะทำให้เราเร่งตาม...
- เลยถนนริมอ่างฯ มาสักพัก ตรงดงนักวิ่ง Half อยู่ดีๆ มีน้องผู้หญิงคนนึงตะโกนถามเพื่อนผู้ชายที่วิ่งมาด้วยกันว่า "กี่โลแล้ว!" เสียงเหวี่ยงมาก... หันไปดู เห็นใส่หูฟัง คงกะเสียงตัวเองไม่ถูก ผู้ชายที่วิ่งด้วยนี่ ถึงกับต้องสะกิดแล้วบอกเบาๆ "12 โลแล้ว" พอหมดคำพูดนั้นแล่ะ ผู้หญิงสวนขึ้นมาก "วิ่งมาตั้งนานพึ่งจะ 12K เนี่ยนะ!!!" อย่างดัง นักวิ่งรอบๆ ฮากันเป็นแถบ โถๆๆๆ นี่พี่วิ่งมา 21-22K มาจะต้องบ่นว่าไงล่ะครับ... 55+ เฮฮากันไป
**24K-31K**
- Pace เดิม เพิ่มเติมคือ Z3 ปลายๆแล้ว... แหงล่ะ วิ่งต่อเนื่องมา 3 ชม. เดินแค่ 10 ก้าว/จุดให้น้ำแค่นั้น
- ช่วงถนนนี้ เป็นช่วงกินแรงมาก นึกสภาพเป็น เนินขึ้นยาวๆ (ภาษานักวิ่งเรียก เนินซึม คือ เนินไม่ชัน แต่ยาวววววว เลยไม่รู้สึกว่าวิ่งขึ้น แต่แรงหมดไวขึ้น) ขึ้นถึงยอด ก็เนินลง มาเจอขึ้นอีก รู้สึกจะ 4-5 เนิน กินแรงมาก...
- ช่วงนี้ ได้มีเพื่อนนักวิ่งเกาะกลุ่มแล้ว หลังจากวิ่งโดดเดียวมา 24K เป็นคุณป้า รุ่นอายุ 50-60 แต่วิ่งนิ่งมาก.. Pace 7.30 เป๊ะๆ ตลอดเวลาวิ่งไปคุยไป สักพัก ก็มีคุณลุง 40-50 มาสมทบอีกท่าน Pace เดียวกันอีก ยิงๆยาวๆ คุยกันไป เสน่ห์ของการวิ่งมันอยู่ตรงนี้ ที่อยู่ๆคนไม่รู้จักกัน จะคุยกันได้เรื่อยๆ เกือบ 2 ชม.
- มีแอบเหนื่อยอยากเดิน แต่ถอดใจไม่ได้ สักพัก มีพี่รุ่นอายุ 40-50 มาอีกคน รวม 4 คน ถ้าเราหยุดเดินนี่... ในใจคิด "แพ้คนแก่" เกิดแรงฮึด คง Pace 7.30 ต่อไป...
- แต่ละท่านผ่านมาราธอนมามากมาย คุณป้านี่ วิ่งประจำ มาจากชลบุรี อยากวิ่งแบบ Barefoot บ้าง กำลังศึกษาวิธี+อุปกรณ์อยู่ (อื้อหือ....) คุณลุงท่านนึง มาวิ่งมาราธอนแรกหลังจากหายไป 5 ปี มีซ้อมประปราย แถมเคยลงกรุงเทพมาราธอนครั้งที่ 1 ปี 2528 มาแล้ว... วิ่งเกาะถูกกลุ่มและ หันไปมอง เห็น ลูกโป่ง 5.30 อยู่ 3-400 เมตร ก็เบาใจ
- ดีใจที่ยังคง Pace 7.30 ได้ยาวถึง 30K เป็นครั้งแรก อากาศมีผลเยอะจริงๆ แดดออกก็จริงแต่ลมยังแรง+เย็น วิ่งสนุกมาก แต่ขาเริ่มออกอาการ แต่ไม่ใช่ประเด็นใหญ่อะไร เพราะเป็นปกติ 4 ชม. แล้วนี่ ไ่ม่ได้เดินเลย (ครั้งแรกที่ทำได้...)
**32-39K**
- ทำใจเตรียมตัวรับการมาเยือนของ "กิโลเมตรที่ 35" นักวิ่งมาราธอนต่างต้องเคยเจอ ไม่รู้ หลักกิโลเมตรนี้มันมีอะไร ถึงปุ๊ป ไม่เจอตะคริว ก็หมดแรง ขาไม่วิ่ง แรงตก Pace หาย ฯลฯ เรียกได้ว่า กิโลเมตรวัดใจ เลยทีเดียว Full 3 งานแรกก็เจอแบบนี้ วิ่งไม่ได้ เดินยาวๆ... กิโล35-36 เป็นอะไรที่ยาวนานมากกว่า กิโลอื่นๆ...
- คุณป้า เจอเพื่อน ลด Pace วิ่งเม้าท์มอย หายไปตั้งแต่ 32K เหลือลุงอีกท่านนึง วิ่งตามกันเรื่อยๆ จนพ้น 35K มาหน่อยๆ เท่านั้นแล่ะ...
- เดินครั้งแรกของมาราธอนนี้ 35.5K เข้าตัวเมืองมาแล้ว กองเชียร์เบาบาง คิดว่าคงมีอีกที ตอนใกล้จะเข้าเส้นชัย
- วิ่งๆเดิน เลียบสระน้ำมา เจอโค้ง ทำไมเสียงมันดังๆ ไม่หยุดเลย พ้นโค้งมาปุ๊ป.....
- 2 กิโล ถนนตรงๆ แต่ริม 2 ฝั่งถนน กองเชียร์ล้วนๆ... ส่งเสียงเชียร์ดังตลอดเวลา นักวิ่งก็วิ่งโฉบซ้ายทีขวาที เล่นกับกองเชียร์ เชียร์กันยังกะกีฬาโรงเรียน เสียงดังมากๆ จะเดินได้ไง...
- Pace 7 มาเลย กำลังใจ แรงฮึด "เสียแรงไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้" 55+ วิ่งตลอด 2 กิโลเมตรนั้น Hi5 ทักทายไปตลอด วิ่งสนุกมาก แต่แอบได้ยินกองเชียร์ เข้าใจผิดว่าเป็นฝรั่งมาวิ่ง แต่เถียงไม่ได้ เหนื่อยพูดไม่ได้...
- พ้น 2 กิโลเมตรแสนสนุก ก็กลับมาพบความจริงที่ว่า เหลืออีก 3 กิโลเมตรสุดท้ายแค่นั้นเอง เดินพักก่อนเลย...
**40K-42.195K**
- งานถนัดเลย เดิน-สลับวิ่ง แต่คราวนี้ตั้งใจ เดิน 100 เมตร วิ่ง 900 เมตร เพราะลูกโป่ง 5.30 จี้เข้ามาใกล้กว่าเดิม
- 40 แล้ว 41 แล้ว กิโลเมตรสุดท้ายมาถึงแล้ว แดดแรงขึ้น มองเวลารวม 05.15 เอ้ย! จะจบก่อน 05.30 ที่เคยตั้งใจจะทำให้ได้ตั้งแต่ Full แรกจริงๆแล้วสินะ... T^T
- คำนวณแรง เดินสลับวิ่งไปยาวๆ กองเชียร์ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ แต่เริ่มห่าง ไม่เหมือน 2K ในเมืองนั้น หยุดวิ่งไม่ได้เลย...
- สงวนแรงไว้ทำไม จะถึงอยู่แล้ว ก็ Concept "วิ่งเพื่อรูป" จะมีรูปเดินได้ไง ช่วง 500ม. สุดท้ายนี่ อุดมด้วยช่างกล้องเลยนะ...
- ตามคาด กล้องเพียบ วิ่งพ้นช่างกล้องโค้งแรก หยุดเดิน ก้มไปเห็น 400m. to go กับ สแตนด์กองเชียร์ 2 ฝั่ง + ช่างกล้องก่อนเส้นชัย รออะไร วิ่งดิวิ่ง!
- ผิดคาดเล็กน้อย นึกว่าจะเหมือนจอมบึง ที่ตรงหน้าเส้นชัยมีสแตนด์เชียร์กองใหญ่ ช่วยไล่เข้าเส้นชัย ดูเงียบเหงาชอบกล ซัด Speed เข้าเส้นเล่นกับ เพื่อนนักวิ่งอีกคน เพื่อคลายกล้ามเนื้อ ตะคริวเกือบกิน...
- 05.28 บนนาฬิกา บอกว่ามาราธอนนี้จบก่อน 05.30 ชม. ตามความตั้งใจเริ่มแรก... T^T
=หลังวิ่ง=
- เข้าเส้นชัยปุ๊ป งง ไหนเหรียญ ไม่มี Staff บอก เดินมาเรื่อยๆ เป็นทางที่กั้นด้วยแผงจราจรเป็นทาง แยก ซ้าย Half ขวา Full แต่มีนักวิ่งเดินตัดไปตัดมา ก็เลยไม่รู้ว่าต้องเดินไปอีก - -"
- เหรียญสวยงามตามท้องเรื่อง รับเหรียญ รับเสื้อ Finisher ทะลุมาก็ เข้าสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น...
- ของกินหมด เพราะไม่ได้แบ่งโซนแยก มาราธอน ไว้ให้ อันนี้สู้จอมบึงไม่ได้เลย ปีหน้าควรปรับปรุง
- เวลา Cut Off มาราธอน 8 ชม. แต่นี่ บูธ Sponsor เก็บของเกือบหมดตั้งแต่ยังไม่ 6 ชม.เลย - -"
- บูธหลังเส้นชัย ค่อนข้างมั่ว หาทางเดินยาก ไม่เป็นสัดส่วน ไม่เดินหาและ เข้า MC โลด
- ร่างกายหลังวิ่ง รู้สึกดีกว่า 3 Full ที่ผ่านมา ดีขึ้นมาเรื่อยๆ ทุก Full หวังว่าจะดีขึ้นต่อไปนะ ร่างกาย
=จุดที่ต้องแก้ไข=
ปัญหาใหญ่ๆก็ตรงการบอกเส้นทางจากที่พักมายังจุดจัดงาน
เนื่องจากปิดถนนอย่าง 100%(สิ่งนี้ดีมากๆ) แต่การที่ไม่มีป้ายบอกว่าควรจะหลบไปทางไหนนั้นทำให้บางท่านใช้เวลาเกือบ ชม. ในการไปถึงจุดจัดงาน ถึงแม้จะถามเจ้าหน้าที่ที่ปิดถนนมาตลอดทางก็ตาม แต่บางทีเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถอธิบายทางได้อย่างละเอียดหรือผู้ที่ขับรถไม่ เข้าใจทางที่บอก ควรจะมีป้ายบอกเส้นทางไปยังจุดจัดงานเป็นระยะๆ
1.ในส่วนของสนามวิ่ง ดีมาก ปิดถนน 100% ตามที่ประกาศไว้ ไม่มีแม้แต่ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน สุนัข ฯลฯ ถึงถนนบางช่วงจะ 6 เลนสวน ก็ปิดหมด ดีงาม
2.ถนนเรียบมาก เหมือนทำใหม่ทั้งเมือง มีแค่บางเส้น 2-3K ที่เป็นหลุมตื้นๆ บ้าง แต่หินก้อนเล็กๆแหลมๆเยอะเหมือนกัน สงสารคนวิ่ง Barefoot...
3.ความสะอาดดีมาก วิ่งไปทางไหนๆ ก็ไม่เห็นกองขยะรกๆเละๆเลย
4.เมืองน่าอยู่ อากาศดีมาก ค่าครองชีพไม่สูง
5.ปีหน้ามาอีกไม๊? (เค้าประกาศแล้ว จัดวันที่ 11/02/2018) ดูก่อน ว่ามีใครจะมาป่าว อาจจะมาเก็บ Half อิอิ
6.สนามบอล+สนามช้างฯ เป็นอะไรที่อลังการ+ดูมีมาตรฐานจริงๆ
7.วันวิ่งตอนเช้า เพื่อนๆชาวคณะ 21K-10K มาไม่ทันเวลา Start เพราะการจราจรค่อนข้างติดขัด ปีหน้าควรจะต้องวางแผนการจราจรใหม่ เนื่องจากปิดถนน 100% เนี่ยแล่ะ อาจจะแบบ มีเส้นทางเฉพาะให้รถสองแถววิ่ง โดยไม่รวมกับรถภายนอกอะไรแบบนี้
สำหรับคนชอบอ่านยาวๆละเอียด
=ก่อนวันวิ่ง=
- งานนี้ลงเพราะโฆษณาดีงามมาก มาตรฐานโลก มีการจัดการต่างๆนาๆ เป็นมาตรฐาน มั่นใจว่าจัดดีแน่นอน เลยสมัครไปตั้งแต่เปิดรับสมัครใหม่ๆเลย
- ระบบการรับสมัคร จ่ายเงิน ฯลฯ ตามมาตรฐาน Running Connect แต่ไม่ค่อยเข้าใจอยู่อย่างนึงว่า ทำไมไม่ประกาศสถานที่รับเสื้อใน กทม. ในระหว่างรับสมัคร เลยต้องเสียค่า EMS - -"
- วันเสาร์ที่ 11 เดินทาง ก่อนหน้านี้ เช็คสภาพอากาศ พบว่า ตอนเช้า เวลา Start ตี 4.00 อุณหภูมิ อยู่แถวๆ 14-17 องศา ไปจน 8 โมง... หนาวกว่าที่คิด ไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย แต่คิดว่าวิ่งสนุกแน่ๆ อากาศเย็นๆแบบนี้ชอบ
- เดินทางเข้าสู่เมืองบุรีรัมย์ สัมผัสได้ถึงเมืองที่"สะอาด" มากๆ ถนนทำใหม่เตรียมรับงาน ทำความสำอาด ทาสีถนน ขยะไม่มีเลย สะอาดแบบไม่คิดว่าจะสะอาดขนาดนี้ แถมทางเท้าใหญ่ น่า City Run มาก...
- ก่อนเข้าที่พัก ไปลุย Expo Day ที่สนามช้างฯ ก่อน เผื่อมีของลดราคา เข้าทางประตู I-Mobile Stadium ทะลุเข้าไป ลึกพอสมควร กว่าจะถึง ที่จอดรถเหลือๆ
- Expo Day ไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่กี่ร้าน เป็น Sponsor งานมาออกบูธ ซะมากกว่า เลยไปเน้นถ่ายรูปเส้น Start แทน แดดแรง ลมแรง วันวิ่งก็คงประมาณนี้ ถ้าแดดออกคือร้อนเลย แต่ลมยังเย็น
- พัก โรงแรมพนมพิมาน ของ ม.ราชภัฎบุรีรัมย์ ราคาโอเค สภาพห้องโอเค ไม่มีประเด็นอะไร แอร์เย็น ใครมาเที่ยวแนะนำเลย อยู่กลางเมือง
- ร้านอาหารร้านแรกที่กินคือ "เป็ดย่างคูเมือง" ร้านขึ้นชื่อของที่นี่ อร่อย+ราคาไม่แพง แนวอาหารอีสาน สั่งมาเหอะ เป็ดย่าง ตูดเป็ดย่าง(ต้องสั่ง!) ฯลฯ อร่อยทุกอย่าง
- ตบด้วยของหวานร้านดังเมืองบุรีรัมย์ "คิดถึงเบอเกอรี่" Honey Toast... ปิดคอร์สโหลด กลับห้องนอนได้... 55+
- ตื่นตี 2 เตรียมตัวทุกอย่าง พึ่งมารู้ตัวว่าลืมกระเป๋าคาดเอว... ดีที่เอะใจเอาเป้น้ำมาเผื่อ กะจะไม่ใช้ เพราะมันทำเสื้อเป็นรอยไป 2 ตัวและ อาจจะขายทิ้งซื้อรุ่นใหม่... - -"
- สภาพร่างกายพร้อม เพราะนอนไม่ทรมานเท่าไหร่ เตียงดี แอร์เย็น เตียงแยก เพราะเดี๋ยวต่อตื่น
- จากการสำรวจเมื่อวาน เห็นว่ามีรถรับส่งไปสนามช้างฯ จากหน้าศาลากลางฯ ซึ่งห่างจาก โรงแรม 300 เมตร เดินสบายๆ
- ออกจากประตูโรงแรมปุ๊ป ความเย็นปะทะหน้า ลมเอื่อยๆ ตัดสินใจ Jog ไปดีฝ่า ประเมินสถานการณ์ก่อนวิ่งจริง โอเคเลย น่าจะวิ่งดีอย่างที่คิด
- รถสองแถวมารอ 2-3 คัน ตอนแรกคาดว่าจะมีเพื่อนนักวิ่งมารอกันเยอะ ที่ไหนได้ เหมาคันเลย คนเดียว 555+
- 20 นาที ถึงสนามช้างฯ ระหว่างทางก็มีรับคนมาเรื่อยๆ อากาศเย็น+ลม = หนาว - -"
- ถึงสนามช้างฯ แล้ว ลมแรงกว่าข้างนอกอีก เดินจากที่ลงรถมาสักพัก ก็เห็นนักวิ่งมารอพอสมควรและ ก็วิ่งวอร์ม ยืดเหยียดไป ทักทายช่างกล้องที่มาเตรียมตัวลงทะเบียนกันแต่เช้า เลยไปสำรวจว่ามีทีมไหนมาบ้าง ตาม Concept "วิ่งเพื่อรูป"
- ตามมาตรฐานงานวิ่ง เค้าแบ่งนักวิ่งจากเวลาที่จะจบ ลงเป็น Block A-E เราไม่กดดัน Block D ชิวๆ...
- รอ ตี 4.00 เพื่อเริ่มวิ่ง ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ หรือชินบรรยากาศก็ไม่รู้ Full ที่ 4 และ 555+
- ปล่อยตัวตรงเวลาเป๊ะมากๆ ตี 4.00 ตรง
- ด้วยสภาพอากาศ คิดถึงตอนไปวิ่งเล่นที่ ญี่ปุ่น(ไม่ได้ลงงานอะไร ไปเที่ยว คนอื่นไปช๊อบ เราว่าง เลยวิ่ง City Run) รู้สึกวิ่งสนุกมาก เลยตั้งใจลองคง Pace 7.30 ดูตลอดระยะ 42.195K
**0-5K**
- วิ่งในสนามช้างฯ Track แข่งรถ เรียบ+หนึบมาก วิ่งสนุกเลย คง Pace ไปเรื่อยๆ ใครจะแซงปล่อยไป ตั้งใจเกาะ Pacer 5.30 ไปยาวๆ
- วิ่งมากลางทางในสนามช้างฯ ทำไมมีคนแยกวิ่งไปอีกทางเป็นพรวนเลย มีแต่ผู้ชาย คิดในใจ เค้าแยกวิ่งด้วยเรอะ... ที่ไหนได้ ไปฉี่ 555+ ก็เข้าใจแล่ะ อากาศเย็นแบบนี้... ซึ่งตอนนี้ก็ปวดๆมั่งและ...
- ใกล้จะออกจากสนามช้างฯ เริ่มคิดถึงคราวจอมบึง รอเข้าห้องน้ำ 15 นาที แต่ใจก็ยังไม่กล้า แต่พอได้ยินคนข้างๆคุยกันเรื่อง "จะได้ไปคุยว่า ครั้งนึงเคยได้มาฉี่ข้างในสนามช้างฯ" อย่ากระนั้นเลย แวะมั่ง 555+
- สบายตัวสบายใจ เจอลูกโป่ง 6.00 ชม. ลืมคิดเรื่องเกาะลูกโป่งสนิทเลย - -"
- ไม่รีบตาม กลัวพลาดหมดแรง เลยวิ่ง Pace เดิม เดี๋ยวก็ทันเอง เพราะ 5.30 ต้องวิ่งราวๆ 7.40 เดี๋ยวก็ทันมั้ง...
**6-13K**
- คง Pace เดิมสบายๆ อากาศเย็น Heart Rate ต่ำ วิ่งพริ้วๆเลย
- พ้น 7K เข้าสู่ทางเรียบคลองส่งน้ำเล็กๆ ประมาณ 2-3K บ้านชาวบ้านประปราย มานั่งหน้าบ้านคอยเชียร์ รู้สึกถึง จอมบึง Model แต่คาดว่าคงมารอรับเสด็จ องค์ภาฯ ที่ลงระยะ Half (ยังสิ่งเส้นเดียวกันอยู่)
- บรรยากาศการเชียร์ทำให้ตื่นเต้นได้เหมือนกัน มีตลอดระยะทาง เยอะมาก เพลงหมอลำ เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์
- มาทันลูกโป่ง 5.45 เลยใจชื้นขึ้นมา รอไล่เก็บ 5.30 ต่อไป
**14-23K**
- Pace เดิม ไม่มีปัญหา อากาศดีต่อใจจริงๆ ยาวไปๆ
- เข้าสู่ถนนริมอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก ขาไป พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น มึดตื๋อ เห็น Pacer 5.30 อยู่ข้างหน้าลางๆ ค่อยยังชั่ว ทันแล้ว...
- พ้นถนนริมอ่างฯ เป็นเส้นถนนสวนกัน ไป-กลับ แคบๆ แซงยากมาก ไม่อยากเร่งแรงไป เกาะลูกโป่ง 5.30 มาได้ 2-3K ก็แซงไปห่างๆ ให้อุ่นใจ กะว่าคงไปโดนไล่ตอน 35K อันโหดร้ายนั่นแล่ะ - -"
- วกไปกลับตัว มาขึ้นถนนริมอ่างฯ ก็สว่างพอดี บรรยากาศ พระอาทิตย์สีส้ม สะท้อนพื้นน้ำกว้างๆ แดดอุ่นๆ อากาศเย็นๆ วิ่งลืมเหนื่อยเลย
- วิ่งมากลางทางของถนนริมเขื่อน ทำไมข้างหน้าดูชุลมุน... จุดกลับตัว ระยะ Half นี่เอง คนเยอะมาก.... แต่ก็ไม่ได้แน่นมากแบบไหล่ต่อไหล่นะ แค่ต้องวิ่งตรงๆ ให้ Half วิ่งหลบเอาเอง...
- เจอช่างกล้อง 2-3 คนตรงนี้ จำเวลา แล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งรวมกับกลุ่ม Half ต่อไป จุดนี้ ต้องมองนาฬิกาคุม Pace ตลอด ไม่งั้นจังหวะของคนอื่นๆ จะทำให้เราเร่งตาม...
- เลยถนนริมอ่างฯ มาสักพัก ตรงดงนักวิ่ง Half อยู่ดีๆ มีน้องผู้หญิงคนนึงตะโกนถามเพื่อนผู้ชายที่วิ่งมาด้วยกันว่า "กี่โลแล้ว!" เสียงเหวี่ยงมาก... หันไปดู เห็นใส่หูฟัง คงกะเสียงตัวเองไม่ถูก ผู้ชายที่วิ่งด้วยนี่ ถึงกับต้องสะกิดแล้วบอกเบาๆ "12 โลแล้ว" พอหมดคำพูดนั้นแล่ะ ผู้หญิงสวนขึ้นมาก "วิ่งมาตั้งนานพึ่งจะ 12K เนี่ยนะ!!!" อย่างดัง นักวิ่งรอบๆ ฮากันเป็นแถบ โถๆๆๆ นี่พี่วิ่งมา 21-22K มาจะต้องบ่นว่าไงล่ะครับ... 55+ เฮฮากันไป
**24K-31K**
- Pace เดิม เพิ่มเติมคือ Z3 ปลายๆแล้ว... แหงล่ะ วิ่งต่อเนื่องมา 3 ชม. เดินแค่ 10 ก้าว/จุดให้น้ำแค่นั้น
- ช่วงถนนนี้ เป็นช่วงกินแรงมาก นึกสภาพเป็น เนินขึ้นยาวๆ (ภาษานักวิ่งเรียก เนินซึม คือ เนินไม่ชัน แต่ยาวววววว เลยไม่รู้สึกว่าวิ่งขึ้น แต่แรงหมดไวขึ้น) ขึ้นถึงยอด ก็เนินลง มาเจอขึ้นอีก รู้สึกจะ 4-5 เนิน กินแรงมาก...
- ช่วงนี้ ได้มีเพื่อนนักวิ่งเกาะกลุ่มแล้ว หลังจากวิ่งโดดเดียวมา 24K เป็นคุณป้า รุ่นอายุ 50-60 แต่วิ่งนิ่งมาก.. Pace 7.30 เป๊ะๆ ตลอดเวลาวิ่งไปคุยไป สักพัก ก็มีคุณลุง 40-50 มาสมทบอีกท่าน Pace เดียวกันอีก ยิงๆยาวๆ คุยกันไป เสน่ห์ของการวิ่งมันอยู่ตรงนี้ ที่อยู่ๆคนไม่รู้จักกัน จะคุยกันได้เรื่อยๆ เกือบ 2 ชม.
- มีแอบเหนื่อยอยากเดิน แต่ถอดใจไม่ได้ สักพัก มีพี่รุ่นอายุ 40-50 มาอีกคน รวม 4 คน ถ้าเราหยุดเดินนี่... ในใจคิด "แพ้คนแก่" เกิดแรงฮึด คง Pace 7.30 ต่อไป...
- แต่ละท่านผ่านมาราธอนมามากมาย คุณป้านี่ วิ่งประจำ มาจากชลบุรี อยากวิ่งแบบ Barefoot บ้าง กำลังศึกษาวิธี+อุปกรณ์อยู่ (อื้อหือ....) คุณลุงท่านนึง มาวิ่งมาราธอนแรกหลังจากหายไป 5 ปี มีซ้อมประปราย แถมเคยลงกรุงเทพมาราธอนครั้งที่ 1 ปี 2528 มาแล้ว... วิ่งเกาะถูกกลุ่มและ หันไปมอง เห็น ลูกโป่ง 5.30 อยู่ 3-400 เมตร ก็เบาใจ
- ดีใจที่ยังคง Pace 7.30 ได้ยาวถึง 30K เป็นครั้งแรก อากาศมีผลเยอะจริงๆ แดดออกก็จริงแต่ลมยังแรง+เย็น วิ่งสนุกมาก แต่ขาเริ่มออกอาการ แต่ไม่ใช่ประเด็นใหญ่อะไร เพราะเป็นปกติ 4 ชม. แล้วนี่ ไ่ม่ได้เดินเลย (ครั้งแรกที่ทำได้...)
**32-39K**
- ทำใจเตรียมตัวรับการมาเยือนของ "กิโลเมตรที่ 35" นักวิ่งมาราธอนต่างต้องเคยเจอ ไม่รู้ หลักกิโลเมตรนี้มันมีอะไร ถึงปุ๊ป ไม่เจอตะคริว ก็หมดแรง ขาไม่วิ่ง แรงตก Pace หาย ฯลฯ เรียกได้ว่า กิโลเมตรวัดใจ เลยทีเดียว Full 3 งานแรกก็เจอแบบนี้ วิ่งไม่ได้ เดินยาวๆ... กิโล35-36 เป็นอะไรที่ยาวนานมากกว่า กิโลอื่นๆ...
- คุณป้า เจอเพื่อน ลด Pace วิ่งเม้าท์มอย หายไปตั้งแต่ 32K เหลือลุงอีกท่านนึง วิ่งตามกันเรื่อยๆ จนพ้น 35K มาหน่อยๆ เท่านั้นแล่ะ...
- เดินครั้งแรกของมาราธอนนี้ 35.5K เข้าตัวเมืองมาแล้ว กองเชียร์เบาบาง คิดว่าคงมีอีกที ตอนใกล้จะเข้าเส้นชัย
- วิ่งๆเดิน เลียบสระน้ำมา เจอโค้ง ทำไมเสียงมันดังๆ ไม่หยุดเลย พ้นโค้งมาปุ๊ป.....
- 2 กิโล ถนนตรงๆ แต่ริม 2 ฝั่งถนน กองเชียร์ล้วนๆ... ส่งเสียงเชียร์ดังตลอดเวลา นักวิ่งก็วิ่งโฉบซ้ายทีขวาที เล่นกับกองเชียร์ เชียร์กันยังกะกีฬาโรงเรียน เสียงดังมากๆ จะเดินได้ไง...
- Pace 7 มาเลย กำลังใจ แรงฮึด "เสียแรงไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้" 55+ วิ่งตลอด 2 กิโลเมตรนั้น Hi5 ทักทายไปตลอด วิ่งสนุกมาก แต่แอบได้ยินกองเชียร์ เข้าใจผิดว่าเป็นฝรั่งมาวิ่ง แต่เถียงไม่ได้ เหนื่อยพูดไม่ได้...
- พ้น 2 กิโลเมตรแสนสนุก ก็กลับมาพบความจริงที่ว่า เหลืออีก 3 กิโลเมตรสุดท้ายแค่นั้นเอง เดินพักก่อนเลย...
**40K-42.195K**
- งานถนัดเลย เดิน-สลับวิ่ง แต่คราวนี้ตั้งใจ เดิน 100 เมตร วิ่ง 900 เมตร เพราะลูกโป่ง 5.30 จี้เข้ามาใกล้กว่าเดิม
- 40 แล้ว 41 แล้ว กิโลเมตรสุดท้ายมาถึงแล้ว แดดแรงขึ้น มองเวลารวม 05.15 เอ้ย! จะจบก่อน 05.30 ที่เคยตั้งใจจะทำให้ได้ตั้งแต่ Full แรกจริงๆแล้วสินะ... T^T
- คำนวณแรง เดินสลับวิ่งไปยาวๆ กองเชียร์ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ แต่เริ่มห่าง ไม่เหมือน 2K ในเมืองนั้น หยุดวิ่งไม่ได้เลย...
- สงวนแรงไว้ทำไม จะถึงอยู่แล้ว ก็ Concept "วิ่งเพื่อรูป" จะมีรูปเดินได้ไง ช่วง 500ม. สุดท้ายนี่ อุดมด้วยช่างกล้องเลยนะ...
- ตามคาด กล้องเพียบ วิ่งพ้นช่างกล้องโค้งแรก หยุดเดิน ก้มไปเห็น 400m. to go กับ สแตนด์กองเชียร์ 2 ฝั่ง + ช่างกล้องก่อนเส้นชัย รออะไร วิ่งดิวิ่ง!
- ผิดคาดเล็กน้อย นึกว่าจะเหมือนจอมบึง ที่ตรงหน้าเส้นชัยมีสแตนด์เชียร์กองใหญ่ ช่วยไล่เข้าเส้นชัย ดูเงียบเหงาชอบกล ซัด Speed เข้าเส้นเล่นกับ เพื่อนนักวิ่งอีกคน เพื่อคลายกล้ามเนื้อ ตะคริวเกือบกิน...
- 05.28 บนนาฬิกา บอกว่ามาราธอนนี้จบก่อน 05.30 ชม. ตามความตั้งใจเริ่มแรก... T^T
=หลังวิ่ง=
- เข้าเส้นชัยปุ๊ป งง ไหนเหรียญ ไม่มี Staff บอก เดินมาเรื่อยๆ เป็นทางที่กั้นด้วยแผงจราจรเป็นทาง แยก ซ้าย Half ขวา Full แต่มีนักวิ่งเดินตัดไปตัดมา ก็เลยไม่รู้ว่าต้องเดินไปอีก - -"
- เหรียญสวยงามตามท้องเรื่อง รับเหรียญ รับเสื้อ Finisher ทะลุมาก็ เข้าสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น...
- ของกินหมด เพราะไม่ได้แบ่งโซนแยก มาราธอน ไว้ให้ อันนี้สู้จอมบึงไม่ได้เลย ปีหน้าควรปรับปรุง
- เวลา Cut Off มาราธอน 8 ชม. แต่นี่ บูธ Sponsor เก็บของเกือบหมดตั้งแต่ยังไม่ 6 ชม.เลย - -"
- บูธหลังเส้นชัย ค่อนข้างมั่ว หาทางเดินยาก ไม่เป็นสัดส่วน ไม่เดินหาและ เข้า MC โลด
- ร่างกายหลังวิ่ง รู้สึกดีกว่า 3 Full ที่ผ่านมา ดีขึ้นมาเรื่อยๆ ทุก Full หวังว่าจะดีขึ้นต่อไปนะ ร่างกาย
=จุดที่ต้องแก้ไข=
ปัญหาใหญ่ๆก็ตรงการบอกเส้นทางจากที่พักมายังจุดจัดงาน
เนื่องจากปิดถนนอย่าง 100%(สิ่งนี้ดีมากๆ) แต่การที่ไม่มีป้ายบอกว่าควรจะหลบไปทางไหนนั้นทำให้บางท่านใช้เวลาเกือบ ชม. ในการไปถึงจุดจัดงาน ถึงแม้จะถามเจ้าหน้าที่ที่ปิดถนนมาตลอดทางก็ตาม แต่บางทีเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถอธิบายทางได้อย่างละเอียดหรือผู้ที่ขับรถไม่ เข้าใจทางที่บอก ควรจะมีป้ายบอกเส้นทางไปยังจุดจัดงานเป็นระยะๆ
ปล.ขอบคุณ ฟิว และ ณัจจิยา เพื่อนทั้งสองที่อนุญาติให้นำภาพและเนื้อหามาลง blog ครับ
No comments:
Post a Comment